วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

คงความสดไว้นานๆ...สำหรับคนชอบจัดดอกไม้

ปัจจุบันดอกไม้เป็นสิ่งสำคัญต่อการจัดงานต่างๆ เป็นอย่างมาก ฉะนั้นควร มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลดอกไม้ให้มีความสด และสมบูรณ์มากที่สุดก่อนที่เราจะนำเอามาใช้จัดตกแต่งให้สวยงามต่อไป


     ถ้าต้องการให้บานเร็ว ให้แช่น้ำอุ่นและมีปริมาณน้ำมาก เช่น ดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบ ดอกยิปโซฟิลลา เป็นต้น

ถ้าต้องการให้บานช้า ให้แช่น้ำธรรมดาและมีปริมาณน้ำน้อย
ถ้าต้องการให้บานสมบูรณ์และมีก้านที่แข็งแรงมากๆ ควรแช่น้ำอุ่นที่ผสมอาหารดอกไม้ในปริมาณ 0.5 ช้อนชาต่อน้ำ 5 ลิตร 

      1. Cleaning คือการดูแลก่อนการแช่น้ำ จะต้องทำความสะอาดก้านบริเวณช่วงล่างที่จะต้องแช่ลงในถังน้ำโดยการปลิดใบช่วงล่างของช่อออกให้หมดซึ่งใบไม้เหล่านี้เมื่ออัดกันแน่นๆ จะทำให้เกิดก๊าซเอทธิลีนที่ มีผลทำให้ก้านดอกไม้และน้ำที่แช่ดอกไม้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย


            2. Cutting under water คือการตัดก้านดอกไม้ด้วยมีดมีคมๆใต้น้ำ นะไปแช่ในถังน้ำที่จัดเตรียมไว้ให้ ส่วนน้ำที่ใช้แช่ดอกไม้นี้จะมีปริมาณ และลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

                         



        3. Conditioning out of refrigeration คือเมื่อเราแช่ดอกไม้ในถังน้ำเรียบร้อยแล้ว ควรนำถังดอกไม้วางไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิปรกติประมาณ 1-3 ชั่วโมง เพื่อให้ดอกไม้มีการปรับสภาพตัวเองเสียก่อนจากนั้นจึงนำเอาไปแช่ในตู้เย็นสำหรับแช่

                       



ที่มา:http://learn.wattano.ac.th/elearning/Chapter25.html

อีกช่องทางอาชีพเสริมรายได้....จัดช่อดอกไม้ สด-แห้ง

จุดเด่นอีกอย่าง ที่ทำให้อาชีพจัดช่อดอกไม้ สด-แห้ง มีลูกค้า อุดหนุนกันต่อเนื่อง คือ สไตล์ใหม่ๆ ของแต่ละช่อ การสร้างสรรค์เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ ทันสมัยอยู่เสมอ ทำให้กลุ่มลูกค้าชอบและถูกใจ ขณะที่ราคาขายแต่ละช่อก็ยุติธรรม ไม่แพงจนเกินไป

ในยุคเศรษฐกิจถดถอย หลายคนต่างพยายามขวนขวายทำอาชีพอื่นเสริม เพื่อให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่นเดียวกับ กรนิศ แสงสุวรรณ อดีตสาวโรงงาน วัย 39 ปี แห่ง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเมื่อว่างจากงานเธอจะขายดอกไม้ไหว้พระในตลาด แต่ด้วยฝีมือที่ประณีต สนนราคาไม่แพง สไตล์โดนใจลูกค้าส่งผลให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันเธอก้าวสู่การเป็นเจ้าของร้านจำหน่ายดอกไม้ กลิกา ที่ทำรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน

กรนิศ เล่าว่า ก่อนเริ่มต้นกิจการร้านดอกไม้นั้น ทำงานเป็นสาวโรงงานในพื้นที่ อ.ปากช่อง มาก่อน และเมื่อมีเวลาว่างช่วงหลังเลิกงานก็ไปเร่ขายดอกไม้กำสำหรับไหว้พระ โดยขายกำละ 5 บาท และเช่าแผงอยู่ที่ตลาดปากช่อง ต่อเมื่อปี 2548 จึงใช้วันหยุด 1 วันเข้าไปอบรมอาชีพระยะสั้นกับโครง การ คมชัดลึกฝึกอาชีพ หลักสูตรการจัดดอกไม้และทำปาท่องโก๋ แต่ตัดสินใจว่าอาชีพจัดดอกไม้เหมาะกับตัวเองมากที่สุดเพราะใกล้เคียงกับงานเสริมอยู่แล้ว จึงพยายามฝึกหัดจนชำนาญ
จากนั้นจึงมาเช่าร้านขายในตลาดเทศบาล 1 ของเมืองปากช่อง เช่าเป็นรายวัน วันละ 200 บาท ใช้ชื่อร้านว่า กลิกาดอกไม้สด ปัจจุบันเช่าเพิ่มอีกหนึ่งร้านอยู่ติดกันโดยจ้างญาติพี่น้องอีก 5 คน มาช่วยทำ จ่ายค่าจ้างคนละ 200 บาทต่อวัน เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ครอบครัวด้วย กรนิศ แจง


สำหรับดอกไม้วัตถุดิบสำคัญ เช่น ดอกกุหลาบ ดาวเรือง และดอกไม้ชนิดอื่นๆ นั้นเธอสั่งซื้อจากปากคลองตลาด กรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง จะเน้นที่มาจาก อ.พบพระ จ.ตาก และ จ.เชียงใหม่เท่านั้น แม้ราคาจะสูงหน่อยอยู่ที่ 200-250 บาทต่อ 50 ดอกก็ตาม โดยสั่งซื้อทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนกล้วยไม้จะซื้อที่สวนกล้วยไม้ในโบนันซ่า เขต อ.ปากช่อง
ผลที่ได้จากการไปอบรม ทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับการจัดช่อดอกไม้มาก ในหลากหลายสไตล์ ทั้งการจัดเป็นช่อกลม ช่อนอน รวมถึงได้ความรู้การทำพวงหรีด ดอกไม้จันทน์ ปัจจุบันที่ร้านก็ทำจำหน่ายด้วย ลูกค้าจะมีทั้งประชาชนทั่วไป บริษัท ห้างร้าน รวมถึงกลุ่มนักเรียน วัยรุ่น มาอุดหนุนกันมาก แต่ละชิ้นงานจะเริ่มต้นตั้งแต่ 250-1,000 บาท
จุดเด่นอีกอย่างที่ลูกค้าอุดหนุนกันต่อเนื่อง กรนิศยอมรับว่าเพราะสไตล์ใหม่ๆ ของแต่ละช่อที่เธอและทีมงานพยายามสร้างสรรค์เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ ทันสมัยอยู่เสมอ ทำให้กลุ่มลูกค้าชอบและถูกใจ ขณะที่ราคาขายแต่ละช่อก็ยุติธรรม ไม่แพงจนเกินไป ทำให้มีรายได้แต่ละเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วตกเดือนละ 2 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะมีรายได้ถึงเดือนละ 4 หมื่นบาทเลยทีเดียว
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอบอกว่า ตอนนี้คิดจะขยายกิจการเพิ่มอีกสาขา อยู่ระหว่างการหาทำเล พร้อมกล่าวขอบคุณโครงการฝึกอาชีพของ คม ชัด ลึก ที่จัดให้มีโครงการนี้ขึ้นมา เพราะทำให้เธอสามารถนำความรู้นั้นมาประกอบเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว มีชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมฝากถึงผู้ที่สนใจในวิธีการจัดดอกไม้ หรือต้องการใช้บริการที่ร้าน เธอยินดีให้คำปรึกษา โดยติดต่อมาได้ที่กลิกาดอกไม้สด โทรศัพท์ 08-5762-7352

หากท่านใดที่ต้องการเรียนรู้เทคนิคการจัดดอกไม้ จะเพื่อยึดเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ดี สามารถสมัครเข้าร่วมอบรมได้ในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ส่วนรายละเอียดจะเปิดอบรมอีกครั้งเมื่อไหร่นั้น สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357

ที่มา : คมชัดลึก

เลือกซื้ออย่างไรให้ดอกไม้สดอยู่เสมอ

ดอกไม้ที่เราได้ซ
ดอกไม้ที่เราได้ซื้อมาใช้กันนั้นจะตัดจากต้นในเวลาเช้า และนำมาแช่น้ำให้อิ่มตัว บางชนิดจะต้องเพิ่มความยืดหยุ่นขณะขนส่ง โดยการทำให้สลดลง หลังจากนั้นจะนำมามัดรวมเป็นกำหุ้มห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติก และสุดท้ายคือการนำจัดส่งตลาดเพื่อกระจายสู่ร้านค้าย่อยต่อไป

ก้านจะต้องไม่เน่าโดยก้านจะต้องไม่ผ่านการแช่น้ำมาเป็นเวลานานจนกระทั่งมีกลิ่นเหม็น
 ใบ จะต้องไม่เหี่ยวช้ำและเน่า จะต้องมีความแข็งแรงตามสภาพของใบไม้ชนิดนั้นๆ
กระเปาะดอก จะต้องไม่ลีบและแห้ง เมื่อใช้มือบีบดูจะรู้สึกว่ากระเปาะจะแข็ง
กลีบดอก จะต้องไม่ช้ำ ไม่เหี่ยว และเน่า

โดยทั่วไปดอกไม้ที่เราจะเลือกซื้อนั้นจะต้องเลือกที่ความสดให้มากที่สุด ฉะนั้นจะต้องมีความรู้สึกและความเข้าใจในสภาพของดอกไม้แต่ละชนิด ซึ่งย่อมจะต้องมีความแตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นควรดูเหตุผลอื่นๆ มาใช้เป็นองค์ประกอบในการเลือกซื้อด้วย เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ แหล่งเพาะปลูก และความเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

เลือกของขวัญให้แม่จากธาตุที่เกิด


คุณแม่ธาตุดิน
ได้แก่ ราศีพฤกษ ราศีกันย์  ราศีสิงห์ จะมีนิสัยหนักแน่น และมีความอดทนสูง สู้ไม่ถอย แต่จะค่อนข้างหัวโบราณ ของขวัญโดนใจคุณแม่ธาตุนี้ก็คือ เข้าไปกอดและบอกว่ารักแม่มากแค่ไหน หรือจะพาไปทำบุญที่วัด ไปเที่ยวทะเล อุทยานประวัติศาสตร์ เที่ยวจนเมื่อยแล้วพาแม่ไปนวดเท้านวดตัวเป็นพิเศษยิ่งถูกใจมั่กมาก


คุณแม่ธาตุน้ำ
ได้แก่ ราศีกรกฎ, ราศีพิจิก, ราศีมีน เป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหว เชื่อในเรื่องโชคชะตา เป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้าง

ลูกอาจจะมอบของขวัญร่วมกับคุณพ่อ พาแม่ไปเที่ยวสถานที่ประทับใจในอดีต มอบบัตรอวยพรหรือกลอนที่ลูก ๆ เขียนเอง หรือให้หนังสือหรือซีดีที่แม่ชอบก็ได้ค่ะ ส่วนตอนนี้ได้เวลาของแฟชั่นเก๋ๆของคู่แม่ลูกดารากันแล้วค่ะ

คุณแม่ที่เกิดธาตุไฟ
ได้แก่ ราศีเมษ, ราศีสิงห์, ราศีธนู เป็นคนสดใส กระตือรือร้นสูง ชอบทำตัวเป็นผู้นำ ลูก ๆ อาจจะเลือกเสื้อผ้าหรือของใช้ที่ความพิเศษไม่เหมือนใครให้แม่ หรือถ้าแม่ยังซิ่งอยู่ ก็พาไปเที่ยวที่แปลกๆใหม่ๆอย่างล่องแก่ง ปีนเขากับเราหรือหลานๆ พาแม่ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัด หรือซื้อริชแบรนด์ให้แม่ใส่ก็อินเทรนด์ไม่เบา
คุณแม่ธาตุลม
ได้แก่ ราศีเมถุน, ราศีตุลย์, ราศีกุมภ์ เป็นคนชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนทุกเพศทุกวัย ลูก ๆ อาจมอบของขวัญด้วยการจัดปาร์ตี้ ให้แม่ ๆ หรือเพื่อนได้มาสังสรรค์กัน พาแม่ไปชมคอนเสิร์ต ซื้อคอร์สออกกำลังกาย หรือซื้อมือถือใหม่ไว้ให้คุยกับเพื่อนๆลูกๆหลาน อันนี้คุณแม่ต้องชอบสุด ๆท้ายสุดของขวัญที่โดนใจคุณแม่ทุกคน ง่าย ๆ เลยค่ะ ดอกมะลิซักกำ คำหวานๆ ซักประโยค เพื่อบอกให้แม่รู้ว่าเรานั้นรักแม่ที่ซู้ดดด โตมาได้ขนาดนี้ก็เพราะมีคุณแม่คนดีที่สุดในโลกเลย


ที่มา : http://www.showded.com









วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ใช้โมเดลเป็นของขวัญบ่งบอกถึงตัวตน

    เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบของสะสม สามารถรักษาและดูแลง่ายๆ และนำไปเป็นของฝากให้กับบุคคลหลากหลายระดับ ทั้งเพื่อน ญาติและคนรู้ใจน่ะจ้า
โมเดลน้องแตงโม : Watermelon

 

           

โมเดลน้องเสือกระดาษ : Paper tiger



 อีกตัวนะจ๊ะ...............................................................................................

โมเดลน้องกระต่ายความฝัน : Dream rabbit





 วันหลังจะเข้ามาอัปเดทให้ใหม่ อยากดูและอยากได้แบบไหนฝากแสดงความเห็นได้เลยนะจ้า



ที่มา:  http://www.m4-u.com

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ของขวัญ" บอกนิสัยผู้ให้

      เวลาคุณจะเลือก "ของขวัญ" ให้คนอื่นบางทีสิ่งที่คุณเลือกอาจบอกนิสัยของคุณเองก็ได้

ถ้าของขวัญที่คุณมอบให้เป็น..............................

ของใช้ประจำวัน แสดงว่าคุณเป็นคนไม่ค่อยเปิดเผยและหมกมุ่นกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด

 
ของที่คุณชอบ แสดงว่าคุณจะถือตัวเองเป็นศูนย์กลางในการคบหาคนอื่น

 
ของที่เพื่อนอยากได้ แสดงว่าคุณคำนึงถึงจุดยืนของผู้อื่นเสมอและต้องการให้คนอื่นยอมรับ


ของทันสมัย แสดงว่าคุณสนใจเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวมากกว่าตนเองและอื่น

 
ของที่ทำขึ้นเอง แสดงว่าคุณมีแนวโน้มที่จะทำอะไรเกินตัว แต่ทั่วไปแล้วคุณให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างมาก




บทความดีๆจาก:  www.fourbears2002.com

พลังแห่งสีสันในของขวัญ

      การช็อปปิ้งหรือเลือกของขวัญว่าจะเป็นสีใด ควรขึ้นอยู่กับผู้รับของสิ่งนั้นด้วยว่าเขาเป็นใคร และขึ้นอยู่ว่าเขากำลังอยู่ในฐานะใดด้วย

 
++สำหรับเพื่อนที่กำลังป่วย++

       ควรเลือกซื้อของ "สีแดง" เพื่อความสดใส "สีเหลือง" เพื่อความสว่างไสว หรือ "สีขาว" เพื่อช่วยให้คนรับสบายตาและสบายใจและกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค
                                       
                                   

++สำหรับเพื่อนที่กำลังอกหัก++

     ควรเลือกของ "สีชมพู" เพื่อรักษาอาการไม่ให้ คนที่ได้รับรู้สึกว่าตัวนั้นไร้ค่า หรือ "สีเขียว" เพื่อกระตุ้น ให้รักตัวเองให้มาก อย่าไปเสียเวลากับคนที่เขาไม่รักเราเลย  เชื่อเราดี้!
             

++ของขวัญวันแต่งงาน++

    ควรเลือก "สีเงิน" สำหรับความหมายถึงการตั้งหลัก ปักฐาน, "สีเขียว" สำหรับรักที่ไม่มีข้อแม้, "สีขาว" สำหรับการก้าวไปข้างหน้า หรือไม่ก็เลือก "สีแดง" แสดงถึงความเสน่หายังได้ โอ๊ยถ้ารักกันซะอย่าง อยู่ท่ามกลางสีอะไรก็โอเคทั้งนั้นแหละ...ว่ามะ.
                                                



ที่มา : นสพ. ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 17 ส.ค. 2546

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หลากหลายไอเดียห่อของขวัญแทนใจ

             สำหรับเทศกาลแห่งความสุข ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลคริสต์มาส หรือเทศกาลปีใหม่ เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังมองหา "ของขวัญ"ที่จะมอบให้แก่คนรัก แน่นอนละว่าของขวัญชิ้นนั้นๆ จะต้องมีค่ามีความหมายสมบูรณ์พร้อมในสารที่ต้องการจะส่งความสุขถึงผู้รับ นอกจากให้ความสำคัญกับการเลือกของขวัญแล้ว คงไม่ลืมอีกหนึ่งความสำคัญ นั่นคือ ความประณีตในการห่อของขวัญชิ้นพิเศษ ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกระดาษ ริบบิ้น รูปแบบการห่อ ฯลฯ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกนั้นก็สำคัญไม่หยอกเหมือนกันนะ นั่นเพราะ "การห่อของขวัญ" นอกจากจะเป็นศิลปะอย่างหนึ่งแล้ว ยังสะท้อนถึงความประณีต ใส่ใจของผู้ให้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการปกป้องของขวัญให้อยู่ในสัดส่วน ป้องกันการแตกหัก บิดงอ เสียรูป สะดวกในการเคลื่อนย้ายอีกต่างหากเช่นนั้นแล้วเราจึงมีเทคนิคการห่อของขวัญแบบต่างๆ มาฝากกัน ซึ่งองค์ประกอบของการห่อของขวัญส่วนใหญ่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
      
     1.วิธีการห่อมีหลายวิธีด้วยกันเช่น การห่อแบบลูกอม ห่อกล่องสี่เหลี่ยม การห่อขวด การห่อแบบญี่ปุ่น การห่อแบบสามเหลี่ยม การห่อแบบจับจีบ ฯลฯ
     2.การตกแต่งกล่องของขวัญ ใช้วัสดุที่เราผสมผสานกับไอเดียเก๋ๆ เช่นใช้ดอกไม้ ริบบิ้น คริสตัล ฯลฯ

การห่อของขวัญแบบสี่เหลี่ยม เป็นวิธีการห่อที่เบสิกทุกคนสามารถทำได้ เริ่มต้นง่ายๆ จากวางกล่องกระดาษตามแนวทแยงมุมของกระดาษ จากนั้นพับกระดาษจากมุมล่างขึ้นไปและพับกระดาษข้างซ้ายขึ้นมาให้มุมตั้งฉากสวยงาม ขั้นต่อไปพับกระดาษอีกข้างหนึ่งด้วยวิธีเดียวกันและพลิกกล่องขึ้น จับกล่องวางลงแล้วพับมุมด้านขวาขึ้นมา พับมุมที่เหลือและเก็บมุมให้เรียบร้อย แล้วติดเทปก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
 การห่อแบบลูกอมหรือทอฟฟี่ ขึ้นอยู่กับลักษณะของขวัญสามารถห่อได้ทั้งแบบใส่กล่องหรือห่อโดยตรงจากของขวัญเลยก็ได้เริ่มแรกให้นำกระดาษสาสีแดงหรือสีที่ชอบมาห่อทั้งแผ่น โดยให้กล่องของขวัญอยู่กึ่งกลางกระดาษจับรวมปลายกระดาษสาทั้ง 2ข้าง ให้เป็นรูปทอฟฟี่และเอาไหมพรมมาผูกทั้ง 2 ด้าน จากนั้นใช้กรรไกรซิกแซ็กตัดริมกระดาษสา เก็บรายละเอียดให้สวยงาม อาจหาโบสีสวยขนาดใหญ่หน่อยมาผูก 2ข้าง ก็ดูเก๋ไก๋ไม่เบา


การห่อขวดรูปขวด การห่อของขวัญที่เป็นขวด นอกจากการนำขวดใส่กล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงแล้ว ยังมีการห่ออีกแบบที่นิยม คือ การห่อให้คงลักษณะรูปขวดแล้วเพิ่มลูกเล่นเข้าไปเช่น การนำกระดาษสา 2 แผ่น โดยใช้สีตัดกันอย่างเห็นได้ชัดเพื่อความสวยงาม จากนั้นติดเทปกาว2หน้า ที่กระดาษสีแดงแล้วนำกระดาษสีเขียวมาติดบนกระดาษสีแดงจะกลายเป็นกระดาษห่อ 2 สีในแผ่นเดียวกัน
...ขั้นตอนถัดไป ให้นำขวดไวน์ตั้งบนกึ่งกลางระหว่างกระดาษสีเขียวและสีแดง ห่อกระดาษรอบขวดให้เป็นจีบอย่างประณีต ใช้ริบบิ้น (สีเดียวกับกระดาษ) แดง เขียว ผูกเป็นโบหูกระต่ายบริเวณคอขวด ให้ขนาดของโบไม่เท่ากัน นำริบบิ้นผ้าสีขาวผูกทับอีกชั้นหนึ่ง และนำริบบิ้นขน 2 เส้น เส้นละ 1 เมตร ผูกให้เป็นโบหูกระต่าย หลังจากนั้นนำริบบิ้นลวดสีเขียวและสีแดงตัดเส้นละ 1 เมตร แปะด้วยเทปกาว 2 หน้าที่บริเวณขวดด้านในกระดาษห่อ ใช้ปากกาม้วนริบบิ้นลวดทั้ง 2 สีให้เป็นเกลียว แค่นี้ก็ได้ของขวัญที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์แล้ว

การห่อแบบญี่ปุ่น สามารถทำได้ง่ายโดยสีที่เน้นคือ "สีน้ำตาล"โดยการหาซองสีน้ำตาลขนาดพอเหมาะกับขนาดของขวัญ นำกระดาษมาห่อชั้นแรก โดยห่อแบบเฉียง ๆ เสร็จแล้วพับส่วนที่เหลือให้ได้รูปเก็บให้เรียบร้อย เอากระดาษสาแบบแข็งขนาดเล็กกว่าแผ่นแรก โดยตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านำมาวางพาดแนวเฉียง ขั้นตอนสุดท้ายหาโบมาผูกเลือกแนวเฉียง

การห่อแบบสามเหลี่ยม การห่อลักษณะนี้เหมาะสำหรับของขวัญที่ไม่มีความหนามาก เช่น กิ๊บติดผม สมุดบันทึก นาฬิกาข้อมือ โดยเริ่มจากตัดกระดาษเป็นแนวยาว พับด้านหนึ่งของกระดาษทำมุม 60 องศา แล้วพับเป็นสามเหลี่ยมเท่าด้านกว้างของกระดาษต่อไปเรื่อยๆ จนสุดกระดาษพับมุมด้านหนึ่งตามรูป หลังจากนั้นใส่ของขวัญแล้วเสียบปลายสามเหลี่ยมเข้าไปในห่อ สุดท้ายตกแต่งด้วยโบอย่างประณีต การห่อแบบนี้ต้องใช้กระดาษที่มีความหนาพอควร เพื่อการอยู่ตัวของรูปทรง
การห่อแบบจับจีบ เป็นการห่อที่เรียบๆ แต่มีลูกเล่นที่การพับจีบ ทำให้กล่องของขวัญที่ห่อแบบเบสิกมีมิติและดูพิถีพิถันตั้งใจขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำวิธีจับจีบนี้ไปสร้างสรรค์ได้อีกหลายแบบ จะจีบตรง จีบข้าง หรือใช้วิธีต่อกระดาษ 2 สี แล้วค่อยจับจีบก็เก๋ไปอีกแบบ

การห่อแบบใช้กระดาษ 2 แผ่น ควรใช้กระดาษที่มีลายกับสีพื้นมาต่อกันด้วยเทปกาว 2 หน้า แล้วห่อแบบวิธีเบสิกทั่วไป เสร็จแล้วผูกโบที่มีสีแมตช์กับกระดาษ ถ้าโบว์มีขนาดใหญ่ควรติดกระดาษสีพื้นจะดีกว่า เพื่อไม่บังลายของกระดาษ วิธีจับคู่สีของกระดาษ ควรเลือกกระดาษสีพื้นให้ใกล้เคียงกับสีของกระดาษลาย หรือเลือกกระดาษลายเนื้อด้านคู่กับกระดาษสีพื้นมันวาว

                                             

การห่อของขวัญตุ๊กตา นำกระดาษมาห่อรอบๆ ตุ๊กตาจัดแต่งให้สวยงาม นำริบบิ้นสีแดงมาผูกรอบตุ๊กตาเป็นโบให้แน่น หลังจากนั้นนำริบบิ้นสีเขียวมาผูกรอบตุ๊กตาในลักษณะเดียวกันกับริบบิ้นสีแดง ตัดริบบิ้นลวดสีทองที่มุมด้านหนึ่ง แล้วดึงริบบิ้นลงค่อยๆ ม้วนจนเป็นรูปดอกกุหลาบ นำริบบิ้นสีทองที่ม้วนเป็นดอกกุหลาบแล้วร้อยเข้ากับริบบิ้นสีเขียว เพียงแค่นี้ก็ได้ตุ๊กตาสวยๆ ด้วยฝีมือของคุณเอง เมื่อเลือกของขวัญได้ถูกใจแล้วลองมาพิจารณากันว่าของขวัญชิ้นนั้นๆ ควรจะรังสรรค์รูป-ลักษณ์ให้ออกมาในรูปแบบใด เพื่อเสริมความงดงาม วิจิตรและเติมลูกเล่นของคุณเข้าไป เพียงแค่นี้ของขวัญพิเศษก็ยิ่งมีความพิเศษ เพราะคุณตั้งใจทำด้วยใจจริงๆ นะสิ



ที่มา :http://www.posttoday.com/